หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ เทคโนโลยี รวมถึง เป็นคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว ก็คงจะคุ้นเคยกับคำว่า แอนดรอยด์ (Android) เป็นอย่างดี ซึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้น แอนดรอยด์ ถือเป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการในตลาด ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่แพ้กับระบบปฏิบัติการอื่นๆ ซึ่งในวันนี้ ทีมงานได้รวบรวมเอาข้อมูล ที่อาจจะช่วยให้ หลายๆท่านที่กำลังสนใจนั้น ได้รู้จักกับ ระบบปฏิบัติการตัวนี้กันมากขึ้น ว่า แอนดรอยด์คืออะไร และ ทำอะไรได้บ้าง ลองมาชมกันเลยครับ

วิธีที่จะเข้าใจว่า Android(แอนดรอยด์) คืออะไร? อย่างง่ายๆ ให้เราลองนึกถึง คอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ ตอนนี้ใช้ Windows อะไรอยู่ครับ บางคนก็จะตอบว่า Windows 7, Windows Vista บางคนก็ตอบว่า Windows XP หรือบางคนอาจจะตอบว่า ผมไม่ใช้ Windows ผมใช้ Linux ซึ่งจะเป็น Linux รุ่นไหนก็ว่ากันไป … Windows หรือ Linux เราเรียกมันว่า ระบบปฏิบัติการ(OS) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกันครับ มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า iPhone OS ครับ ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที อีกรายก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android(แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา ซึ่ง Android(แอนดรอยด์) เวอร์ชั่น 1.0 ได้ถูกปล่อยออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ 2008
คู่แข่ง iPhone?
วงการมือถือในปัจจุบันมีโทรศัพท์กลุ่มที่เรียกว่า SmartPhone ซึ่งคือมือถือที่ทำอะไรได้มากกว่า โทรเข้า-ออก โดยสามารถเข้าถึงบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ตผ่าน App(แอพลิเคชั่น หรือโปรแกรม)บน Smartphone ทำให้โทรศัพท์มือถือในกลุ่ม SmartPhone เป็นอะไรที่ดึงดูดผู้ใช้งานมือถือที่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และเกิด LifeStyle ใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบัน เจ้าตลาด SmartPhone คือ iPhone ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่โด่งดังมาตลอดในช่าม 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีใครมาทาบรัศมีได้.. แต่แล้วในปีนี้เราเริ่มจะเห็นมือถือหลายรุ่นที่มีหน้าตาการทำงานคล้ายกัน และมีความสามารถที่ทัดเทียมกับ iPhone และในบางกระแสบอกว่า ความสามารถของเจ้ามือถือนี้ ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า iPhone เสียอีก… ผู้คนเรียกขานเจ้ามือถือหลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่มีหน้าตาการทำงานที่เหมือนกันนี้ว่า “Android(แอนดรอยด์) Phone”

ย้อนไปเมื่อประมาณ เดือน ตุลาคม ปี 2003 Andy Rubin ได้ก่อตั้งบริษัท แอนดรอยด์ (Android, Inc.) พร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ถือว่ามีความสามารถแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนามาเรื่อยจนเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 โทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ก็ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คือ HTC Dream

Android(แอนดรอยด์) 4.0 เป็นหมายเลขเวอร์ชั่นของ ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ครับ เหมือนที่ Windows มีทั้ง Windows95, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อๆกันมาของ Windows ครับ ใน Android OS เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ Android OS มีทั้งหมด 10 เวอร์ชั่นแล้วครับและมีชื่อเล่นสำหรับเรียกง่ายๆด้วยครับ

ซึ่ง ก็ได้แก่ Apple Pie(Android 1.0),Banana Bread(Android 1.1),CupCake(Android 1.5), Donut(Android 1.6), Éclair(Android 2.1), Froyo(Android 2.2), Gingerbread(Android 2.3), Honeycomb(Android 3.0), Ice Cream Sandwich(Android 4.0), Jelly Bean (Android 4.1) จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชื่อรุ่นทุกรุ่นเป็นของหวานทั้งหมดเลยครับ และในรุ่น Android ที่จะพัฒนาในอนาคตซึ่งยังไม่มีการกำหนดเลขเวอร์ชั่นก็จะมีชื่อว่า Key lime pie อีกด้วย.. แค่อ่านชื่อก็อิ่มแล้ว..

นอกจากแอนดรอยด์รุ่นต่างๆ ที่เราได้ทำการรวบรวมเอาไว้ข้างต้น จนถึงเวอร์ชั่น Android 4.1 นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากต่างประเทศก็ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า แอนดรอยด์ รุ่นต่อไป จะใช้ Codename หรือชื่อเล่นว่า Android Key Lime Pie และคาดว่าจะมีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพโดยรวมของระบบให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการออกมานะครับว่า Android Key Lime Pie (หรืออาจจะไม่ใช่ชื่อนี้) นั้น จะเป็นเวอร์ชั่นอะไร อาจจะเป็นไปได้ทั้ง 4.3 หรือ อาจจะเป็นเวอร์ชั่น 5.0 ไปเลย ซึ่ง หากมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Android ตัวล่าสุดนี้เพิ่มเติม ทีมงานจะนำข้อมูลมาให้ได้ทราบกันอีกอย่างแน่นอนครับ
แอนดรอยด์ (Android) คืออะไร?
วิธีที่จะเข้าใจว่า Android(แอนดรอยด์) คืออะไร? อย่างง่ายๆ ให้เราลองนึกถึง คอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ ตอนนี้ใช้ Windows อะไรอยู่ครับ บางคนก็จะตอบว่า Windows 7, Windows Vista บางคนก็ตอบว่า Windows XP หรือบางคนอาจจะตอบว่า ผมไม่ใช้ Windows ผมใช้ Linux ซึ่งจะเป็น Linux รุ่นไหนก็ว่ากันไป … Windows หรือ Linux เราเรียกมันว่า ระบบปฏิบัติการ(OS) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกันครับ มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า iPhone OS ครับ ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที อีกรายก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android(แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา ซึ่ง Android(แอนดรอยด์) เวอร์ชั่น 1.0 ได้ถูกปล่อยออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ 2008
คู่แข่ง iPhone?
วงการมือถือในปัจจุบันมีโทรศัพท์กลุ่มที่เรียกว่า SmartPhone ซึ่งคือมือถือที่ทำอะไรได้มากกว่า โทรเข้า-ออก โดยสามารถเข้าถึงบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ตผ่าน App(แอพลิเคชั่น หรือโปรแกรม)บน Smartphone ทำให้โทรศัพท์มือถือในกลุ่ม SmartPhone เป็นอะไรที่ดึงดูดผู้ใช้งานมือถือที่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และเกิด LifeStyle ใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบัน เจ้าตลาด SmartPhone คือ iPhone ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่โด่งดังมาตลอดในช่าม 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีใครมาทาบรัศมีได้.. แต่แล้วในปีนี้เราเริ่มจะเห็นมือถือหลายรุ่นที่มีหน้าตาการทำงานคล้ายกัน และมีความสามารถที่ทัดเทียมกับ iPhone และในบางกระแสบอกว่า ความสามารถของเจ้ามือถือนี้ ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า iPhone เสียอีก… ผู้คนเรียกขานเจ้ามือถือหลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่มีหน้าตาการทำงานที่เหมือนกันนี้ว่า “Android(แอนดรอยด์) Phone”
ต้นกำเนิด แอนดรอยด์ (Android)
ย้อนไปเมื่อประมาณ เดือน ตุลาคม ปี 2003 Andy Rubin ได้ก่อตั้งบริษัท แอนดรอยด์ (Android, Inc.) พร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ถือว่ามีความสามารถแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนามาเรื่อยจนเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 โทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ก็ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คือ HTC Dream
Android 4.0 หรือ Android 4.1? ตัวเลขข้างหลังคืออะไร? เพื่ออะไร?
Android(แอนดรอยด์) 4.0 เป็นหมายเลขเวอร์ชั่นของ ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ครับ เหมือนที่ Windows มีทั้ง Windows95, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อๆกันมาของ Windows ครับ ใน Android OS เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ Android OS มีทั้งหมด 10 เวอร์ชั่นแล้วครับและมีชื่อเล่นสำหรับเรียกง่ายๆด้วยครับ
ซึ่ง ก็ได้แก่ Apple Pie(Android 1.0),Banana Bread(Android 1.1),CupCake(Android 1.5), Donut(Android 1.6), Éclair(Android 2.1), Froyo(Android 2.2), Gingerbread(Android 2.3), Honeycomb(Android 3.0), Ice Cream Sandwich(Android 4.0), Jelly Bean (Android 4.1) จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชื่อรุ่นทุกรุ่นเป็นของหวานทั้งหมดเลยครับ และในรุ่น Android ที่จะพัฒนาในอนาคตซึ่งยังไม่มีการกำหนดเลขเวอร์ชั่นก็จะมีชื่อว่า Key lime pie อีกด้วย.. แค่อ่านชื่อก็อิ่มแล้ว..
วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone
1. เลือกเวอร์ชั่นของ Android OS
เนื่องจาก Android(แอนดรอยด์) Phone เป็นมือถือที่มีส่วนประกอบของ ระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นการเลือกซื้อ Android Phone จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึง เวอร์ชั่นของ Android(แอนดรอยด์) OS ที่เราต้องการด้วยครับ ซึ่งเมื่อไปที่ร้านมือถือตั้งใจจะซื้อ Android Phone สักเครื่อง แต่แล้วเราก็จะมึนงง เพราะว่ามือถือ Android Phone แต่ละยี่ห้อใช้ Androidคนละเวอร์ชั่น! แล้วเราจะเลือกยังไงกันดี แล้วเราต้องใช้รุ่นไหนยังไง.. Android Phone รุ่นไหนคุ้มไม่คุ้มยังไง… ความมืดแปดด้านของการเลือก Android Phone ก็เริ่มครอบงำเรา… งั้นเรามาดูรายละเอียดว่า Android(แอนดรอยด์) OS แต่ละรุ่นมีความสามารถอะไรกันบ้างดีกว่าครับ เราจะได้รู้ว่า โทรศัพท์ Android Phone รุ่นที่เราเล็งอยู่นั้น มันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้างAndroid(แอนดรอยด์) 1.5 (Cupcake)Android Phone ที่ ใช้ Android(แอนดรอยด์) 1.5 จะมีความสามารถหลักๆดังนี้ ควบคุมด้วย Touch Screen
|
Android(แอนดรอยด์) 1.6 (Donut)Android Phone ที่ลงระบบ Android 1.6 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.5 ดังนี้ Web History / contact list Search
|
Android(แอนดรอยด์) 2.0/2.1 (Eclair) Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.0/2.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.6 ดังนี้ Performance
|
Android(แอนดรอยด์) 2.2 (Froyo)Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.2 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.1 ดังนี้ Performance
|
Android(แอนดรอยด์) 2.3/2.4 (Gingerbread)Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.3/2.4 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.2 ดังนี้ การแสดงผล
|
Android(แอนดรอยด์) 3.0 / 3.1 (Honeycomb)Android Phone ที่ลงระบบ Android 3.0 / 3.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.3 ดังนี้ การแสดงผล
หมายเหตุ : เนื่องจาก ระบบปฏิบัติการ Android 3.0 / 3.1 / 3.2 นั้นถูกพัฒนามาสำหรับ แท็ปเล็ต เป็นหลัก ภายในตารางจึงเป็นชื่อรุ่นของ Tablet ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Andriod 3.0 / 3.1 / 3.2 |
Android(แอนดรอยด์) 4.0 (Ice Cream Sandwich)Android Phone ที่ลงระบบ Android 4.0 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 3.0 ดังนี้ การแสดงผล
|
Android(แอนดรอยด์) 4.1 (Jelly Bean)Android Phone ที่ลงระบบ Android 4.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 4.0 ดังนี้ Performance
|
แอนดรอยด์ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Android Key Lime Pie ??
นอกจากแอนดรอยด์รุ่นต่างๆ ที่เราได้ทำการรวบรวมเอาไว้ข้างต้น จนถึงเวอร์ชั่น Android 4.1 นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากต่างประเทศก็ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า แอนดรอยด์ รุ่นต่อไป จะใช้ Codename หรือชื่อเล่นว่า Android Key Lime Pie และคาดว่าจะมีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพโดยรวมของระบบให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการออกมานะครับว่า Android Key Lime Pie (หรืออาจจะไม่ใช่ชื่อนี้) นั้น จะเป็นเวอร์ชั่นอะไร อาจจะเป็นไปได้ทั้ง 4.3 หรือ อาจจะเป็นเวอร์ชั่น 5.0 ไปเลย ซึ่ง หากมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Android ตัวล่าสุดนี้เพิ่มเติม ทีมงานจะนำข้อมูลมาให้ได้ทราบกันอีกอย่างแน่นอนครับ
2. พิจารณาคุณสมบัติด้านอุปกรณ์ในตัวเครื่อง
นอกจากจะต้องพิจารณา Android(แอนดรอยด์) OS แล้วเรายังต้องพิจารณาคุณสมบัติของอุปกรณ์ในเครื่องด้วยนะครับ ซึ่งประกอบไปด้วย- หน้าจอ ใช้วัสดุอะไรในการประกอบ ซึ่งมีตั้งแต่ LCD LED AMOLED หรือ Super AMOLED ตัวใหม่แบบอินเทรนด์
- หน้าจอ รองรับการใช้ Touch screen และ multi touch screen หรือไม่
- CPU ที่ใช้เป็นยี่ห้ออะไร มีความเร็วเท่าไหร่ โดยมีหน่วยวัดเป็น Hz นะครับ คล้ายการวัดใน cpu เครื่องคอมพิวเตอร์ และแน่นอนว่า ยิ่งมีความเร็วมาก ก็ยิ่งดีครับ(ก็จะมีราคาสูงตามนะครับ)
- หน่วยความจำภายใน เนื่องจาก Android Phone ต้องการหน่วยความจำภายในตัวหลักในการลง Android OS และ App สำหรับการใช้งาน(สำหรับ Android 2.2 จะสามารถลง App ใน sd-card ได้ ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่มี แต่ถ้าเป็น Android(แอนดรอยด์)รุ่นต่ำกว่านี้ ต้องคิดเรื่อง ความจุของหน่วยความจำให้ดีครับ)
- คุณภาพของเสียง ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายก็จะมี มาตรฐานการพัฒนาคุณภาพเสียงที่แตกต่างกันออกไป เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญครับ
- อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS เป็นชิปประมวลผลเล็กๆที่อยู่ใน Android Phone ซึ่งเจ้าตัวนี้มีผลต่อการใช้งาน Application หลายตัวเลยนะครับ Android Phone บางรุ่นมีอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS บางตัวก็ไม่มีครับ
- อุปกรณ์รับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ เข็มทิศดิจิตอล แบบที่เห็นใน iPhone นั่นเองครับ
- คุณภาพของกล้องที่ Android Phone แต่ละรุ่นก็จะมีความสามารถในการถ่ายรูปที่ไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเลนส์และหน่วยประมวลภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น