วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

10เหตุผลที่คนแปรพรรคไปรักแอนดรอยด์

แม้แอนดรอยด์ (Android) จะเพิ่งเกิดมาได้แค่ 16 เดือน นอกจากจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดรอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างกูเกิ้ล (Google) และแอปเปิ้ล (Apple) จนถึงขั้นแตกหักแล้ว มันยังเป็นโมบายโอเอสที่มีอัตราการเติบโตที่น่าตื่นเต้นอีกด้วย อีกทั้งยังมีมือถือค่ายต่างๆ นับสิบรายที่กระโดดลงมาเล่น สร้างความคึกคักให้ตลาดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ไม่นับรวมถึงแท็บเล็ต และอีรีดเดอร์บางรุ่นในตลาด เรียกว่าแอนดรอยด์กลายเป็นโอเอสขวัญใจแก็ดเจ็ตไฮเอ็นด์ราคาประหยัดไปแล้วก็เห็นจะไม่ผิด


ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากพูดถึงสมาร์ทโฟนวันนี้ทุกคนต้องยกนิ้วให้ไอโฟน (iPhone) ทีเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง แต่ก็แน่นอนว่า มันไม่ใช่ความบังเอิญที่แอนดรอยด์กลายมาเป็นตัวเลือกของผู้ใช้ไปแล้วในวันนี้ แม้กระทั่งล่าสุด ผู้ใช้ BlackBerry ประมาณ 40% เผยความในใจว่า อยากอัพเกรดไปใช้ไอโฟน หรือไม่ก็เน็กซัสวัน (Nexus One) ประเด็นก็คือ อะไรทำให้ผู้ใช้เริ่มสนใจมือถือแอนดรอยด์ เราลองมาดูเหตุผลทั้ง 10 ข้อนี้ดูครับ บางทีคุณอาจจะเปลี่ยนใจจากไอโฟนมาใช้แอนดรอยด์ก็ได้...

1. ขุมพลังกูเกิ้ลในอุ้งมือคุณ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม กูเกิ้ลเกือบจะเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว (คลิปวิดีโอแสดงหลักฐานยืนยัน) เพราะแทบจะเป็นทุกอย่างที่เกียวข้องกับชีวิตผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น เสิร์ช จีเมล์ กูเกิ้ลด็อคส์ กูเกิ้ลแมพ ฯลฯ ซึ่งการหลอมหลวมส่วนติดต่อผู้ใช้งานโอเอสเข้ากับบริการทั้งหมดของกูเกิ้ล นั่นก็เท่ากับผู้ใช้แอนดรอยด์โฟนสามารถทำกิจกรรมออนไลน์ได้ทุกอย่างที่ต้องการทันที เพียงแค่ใช้นิ้วสัมผัสเบาๆ เท่านั้น 

2. App Store ที่เน้นแอพฯที่ผู้ใช้ต้องการ ในขณะที่ Apple Store มีแอพพลิเคชันให้เลือกนับแสนรายการ (ประมาณ 5 เท่าของแอนดรอยด์) ต่อให้แอนดรอยด์เร่งเท่าไรก็ไม่มีทางไล่ตามได้ทันอย่างแน่นอน แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่อยู่ที่เรื่องของคุณภาพต่างหาก ไอโฟน (iPhone) อาจจะมีแอพฯสารพัดนึกให้คุณดาวน์โหลดไปใช้ แต่ส่วนใหญ่เป็นแอพฯเพื่อความบันเทิงมากกว่า ที่สำคัญมันมีรูปแบบการทำงานที่ซ้ำๆ กันอีกด้วย ในขณะที่แอพพลิเคชันที่จะสามารถไปโผล่ใน Apple App Store ได้ จะต้องผ่านเด่านคุมเข้มมากมาย ทำให้แอพฯ ของบางรายที่อาจจะหน้าตาไม่ค่อยสะสวย แต่นิสัยดีมาก หมดสิทธิ์เข้าไปอยู่ในร้าน ก็เลยต้องหันมาซบอกแอนดรอยด์ ซึ่งผลลัพธ์ทำให้ผู้ใช้แอนดรอยด์พบว่า มันมีแอพพลิเคชันบางตัวที่ดีกว่าที่มีอยู่ในแอปเปิ้ล เพราะสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการคือแอพฯที่ตอบโจทยฺ์การใชังานมากกว่าแอพฯที่มีมากมาย แต่หาที่ใช่ไม่เจอ 

3. อิสระเรื่องเครือข่าย กูเกิ้ลไขก๊อกให้กับผู้ใช้มือถืแอนดรอยด์ด้วยการเปิดกว้างให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใดก็ได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ปิดทางตัวเองสำหรับการทำตลาดร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลว่า ซิมที่มีอยู่แล้วจะใช้กับแอนดรอยด์โฟนได้ หรือไม่? แคนี้ตัวแปรในการตัดสินใจเลือกใช้แอนดรอยด์ก็ลดน้อยลงไปอีกหนึ่งข้อแล้ว

4. ราคาถูกกว่า สำหรับผู้ใช้ที่อยากได้สมาร์ทโฟนทีมีสเป็ก และสภาพแวดล้อมการใช้งานไม่หนีจากผู้นำตลาดอย่างไอโฟนในราคาที่เอื้อมถึงได้ แอนดรอยด์โฟนคือ คำตอบสุดท้าย ด้วยราคาถูกกว่าครึ่ง แต่ตอบโจทย์ได้ใกล้เคียงกับความต้องการของคุณ โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันโฟนมากกว่าแฟชั่นโฟนด้วยแล้ว แอนดรอยด์คือทางเลือกของการลงทุนที่เหมาะกับกระเป๋าสตางค์ของคุณแล้วล่ะครับ

5. โอเอสระบบเปิด ข้อดีของการเป็นโอเอสระบบเปิดนอกเหนือจากการตรวจสอบดูแล และอัพเดตระบบที่รวดเร็วแล้ว ความเป็นอิสระในการใช้งานถือเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ ตัวอย่างเช่น คุณไม่จำเป็นต้องโหลดโปรแกรม iTunes เพื่อให้มือถือของคุณสามารถโหลดไฟล์เพลง ภาพยนต์ เข้าไปในเครื่องได้เหมือนไอโฟน เป็นต้น

6. ความสามารถในการทำหลายงาน (Multitasking) ประเด็นของข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างแอนดรอยด์กับไอโฟนก็คือ ความสามารถในการทำหลายงานพร้อมกัน หากคุณต้องการใช้มือถือเป็นคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก แอนดรอยด์ตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงความต้องการของคุณมากทีสุด ในขณะที่แอปเปิ้ลไม่ได้ให้คำตอบในเรื่องนี้ด้วยเหตุผลทีว่า ทำทีละอย่าง ระบบจะทำงานได้รวดเร็ว ลื่นไหล และปลอดภัยกว่า แต่นั่นก็ต้องแลกกับความสุขในการใช้มือถือของผู้ใช้ หากคุณสมบัตินี้ไม่สำคัญ มันคงไม่มีข่าวออกมาหรอกว่า คุณสมบัติข้อแรกๆ ที่ต้องม่ีใน iPhone 4.0 OS ก็คือ multitasking


7. Cloud computing แทนที่คุณจะเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้บนมือถือ วันนี้คุณสามาถซิงค์มันเข้ากับคอมพิวเตอร์ทีให้บริการบนเน็ตได้ นั่นหมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องนำโน้ตบุ๊กอีกเครื่องหนึ่งติดตัว เพื่อคอยซิงค์ข้อมูลล่าสุด แต่เปลี่ยนเป็นการซิงค์กับคอมพิวเตอร์บนเน็ตแทน ซึ่งแอนดรอยด์เกิดมาเพือการให้บริการในลักษณะนี้ คุณสามารถเรียกใช้ข้อมูลที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา 

8. คีย์บอร์ด หรือไร้คีย์บอร์ด เป็นที่ถกเถียงกันตลอดเวลาว่า ผู้ใช้ต้องการคีย์บอร์ดแบบปุ่มสัมผัส QWERTY หรือหน้าจอสัมผัสกันแน่ สำหรับแอนดรอยด์แล้ว ไม่เกี่ยงเพราะตอบโจทย์ตามความต้องการของทั้งสองกลุ่มอยู่แล้ว ใครชอบแบบไหน แอนดรอยด์ก็เซิร์ฟความต้องการได้

9. กล้องถ่ายรูปพร้อมแฟลช ผู้ผลิตแอนดรอยด์โฟนหลายราย นอกจากจะผลิตมือถือที่มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียดสูงแล้ว ยังมาพร้อมกับแฟลช LED อีกด้วย ซึ่งทำให้แอนดรอยด์โฟนหลายๆ รุ่นสามารถใช้ถ่ายรูปในที่มึดได้  

10. ไม่ใช่ของโหล ข้อนี้อาจจะฟังดูตลก แต่เชื่อว่า หากคุณเป็นผู้ที่ต้องการความต่างไม่เหมือนใคร ที่พอควักมือถือออกมาไม่ไอโฟน ก็แบล็คเบอรี่แล้วล่ะก็ แอนดรอยด์โฟนนี่ล่ะครับ คือสิ่งที่คุณต้องการ จริงอยู่ที่ในโลกนี้ยังมีมือถือให้เลือกใช้อีกมากมาย แต่หากจะว่ากันตามกระแสความสนใจ และความแรงของสมาร์ทโฟนแล้ว แอนดรอยด์โฟนเป็นตัวเลือกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เสียแล้ว

ก่อนอื่นต้องบอกว่า รายงานข่าวชิ้นนี้ต้องการชี้ประเด็นให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า แอนดรอยด์โฟนมีดีอะไร เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เพราะอย่างที่พูดถึงมาโดยตลอดว่า ไอโฟนเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภค แต่การให้ข้อมูลทางเลือกที่ชัดเจนดูน่าจะเหมาะสมกว่า หาได้มีเจตนาลำเอียงแต่อย่างใด เพราะสุดท้ายก็สุดแท้แต่การตัดสินใจของผู้บริโภค หน้าที่ของสื่อคือ สะท้อนให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งเท่านั้น...

ที่มา - เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th

แอนดรอยด์ (Android) คืออะไร?


หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ เทคโนโลยี รวมถึง เป็นคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว ก็คงจะคุ้นเคยกับคำว่า แอนดรอยด์ (Android) เป็นอย่างดี ซึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้น แอนดรอยด์ ถือเป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการในตลาด ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่แพ้กับระบบปฏิบัติการอื่นๆ ซึ่งในวันนี้ ทีมงานได้รวบรวมเอาข้อมูล ที่อาจจะช่วยให้ หลายๆท่านที่กำลังสนใจนั้น ได้รู้จักกับ ระบบปฏิบัติการตัวนี้กันมากขึ้น ว่า แอนดรอยด์​คืออะไร และ ทำอะไรได้บ้าง ลองมาชมกันเลยครับ

แอนดรอยด์ (Android) คืออะไร?




วิธีที่จะเข้าใจว่า Android(แอนดรอยด์) คืออะไร? อย่างง่ายๆ ให้เราลองนึกถึง คอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ ตอนนี้ใช้ Windows อะไรอยู่ครับ บางคนก็จะตอบว่า Windows 7, Windows Vista บางคนก็ตอบว่า Windows XP หรือบางคนอาจจะตอบว่า ผมไม่ใช้ Windows ผมใช้ Linux ซึ่งจะเป็น Linux รุ่นไหนก็ว่ากันไป … Windows หรือ Linux เราเรียกมันว่า ระบบปฏิบัติการ(OS) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ลง Windows ก็จะเปิดเครื่องเพื่อทำงานไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น โทรศัพท์มือถือ SmartPhone ก็เช่นเดียวกันครับ มันต้องการ OS ซึ่งใน iPhone นั้นบริษัทแอปเปิ้ลใช้ OS ที่ชื่อว่า iPhone OS ครับ ในขณะที่บริษัทกูเกิ้ล(Google) บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที อีกรายก็ได้ซุ่มพัฒนา OS ที่มีชื่อว่า Android(แอนดรอยด์) OS ขึ้นมา ซึ่ง Android(แอนดรอยด์) เวอร์ชั่น 1.0 ได้ถูกปล่อยออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ 2008
คู่แข่ง iPhone?
วงการมือถือในปัจจุบันมีโทรศัพท์กลุ่มที่เรียกว่า SmartPhone ซึ่งคือมือถือที่ทำอะไรได้มากกว่า โทรเข้า-ออก โดยสามารถเข้าถึงบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ตผ่าน App(แอพลิเคชั่น หรือโปรแกรม)บน Smartphone ทำให้โทรศัพท์มือถือในกลุ่ม SmartPhone เป็นอะไรที่ดึงดูดผู้ใช้งานมือถือที่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และเกิด LifeStyle ใหม่ๆ ซึ่งในปัจจุบัน เจ้าตลาด SmartPhone คือ iPhone ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่โด่งดังมาตลอดในช่าม 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยยังไม่มีใครมาทาบรัศมีได้.. แต่แล้วในปีนี้เราเริ่มจะเห็นมือถือหลายรุ่นที่มีหน้าตาการทำงานคล้ายกัน และมีความสามารถที่ทัดเทียมกับ iPhone และในบางกระแสบอกว่า ความสามารถของเจ้ามือถือนี้ ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า iPhone เสียอีก… ผู้คนเรียกขานเจ้ามือถือหลายรุ่น หลายยี่ห้อ แต่มีหน้าตาการทำงานที่เหมือนกันนี้ว่า “Android(แอนดรอยด์) Phone”

ต้นกำเนิด แอนดรอยด์ (Android)




ย้อนไปเมื่อประมาณ เดือน ตุลาคม ปี 2003 Andy Rubin ได้ก่อตั้งบริษัท แอนดรอยด์ (Android, Inc.) พร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ถือว่ามีความสามารถแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน ร่วมกันพัฒนามาเรื่อยจนเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 โทรศัพท์มือถือรุ่นแรก ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ก็ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คือ HTC Dream

Android 4.0 หรือ Android 4.1? ตัวเลขข้างหลังคืออะไร? เพื่ออะไร?




Android(แอนดรอยด์) 4.0 เป็นหมายเลขเวอร์ชั่นของ ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ครับ เหมือนที่ Windows มีทั้ง Windows95, Windows 2000, Windows XP, Windows Vista ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาต่อๆกันมาของ Windows ครับ ใน Android OS เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ Android OS มีทั้งหมด 10 เวอร์ชั่นแล้วครับและมีชื่อเล่นสำหรับเรียกง่ายๆด้วยครับ


ซึ่ง ก็ได้แก่ Apple Pie(Android 1.0),Banana Bread(Android 1.1),CupCake(Android 1.5), Donut(Android 1.6), Éclair(Android 2.1), Froyo(Android 2.2), Gingerbread(Android 2.3), Honeycomb(Android 3.0), Ice Cream Sandwich(Android 4.0), Jelly Bean (Android 4.1) จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชื่อรุ่นทุกรุ่นเป็นของหวานทั้งหมดเลยครับ และในรุ่น Android ที่จะพัฒนาในอนาคตซึ่งยังไม่มีการกำหนดเลขเวอร์ชั่นก็จะมีชื่อว่า Key lime pie อีกด้วย.. แค่อ่านชื่อก็อิ่มแล้ว..

วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone

1. เลือกเวอร์ชั่นของ Android OS

เนื่องจาก Android(แอนดรอยด์) Phone  เป็นมือถือที่มีส่วนประกอบของ ระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นการเลือกซื้อ Android Phone จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึง เวอร์ชั่นของ Android(แอนดรอยด์) OS ที่เราต้องการด้วยครับ ซึ่งเมื่อไปที่ร้านมือถือตั้งใจจะซื้อ Android Phone สักเครื่อง แต่แล้วเราก็จะมึนงง เพราะว่ามือถือ Android Phone แต่ละยี่ห้อใช้ Androidคนละเวอร์ชั่นแล้วเราจะเลือกยังไงกันดี แล้วเราต้องใช้รุ่นไหนยังไง.. Android Phone รุ่นไหนคุ้มไม่คุ้มยังไง… ความมืดแปดด้านของการเลือก Android Phone ก็เริ่มครอบงำเรา… งั้นเรามาดูรายละเอียดว่า Android(แอนดรอยด์) OS แต่ละรุ่นมีความสามารถอะไรกันบ้างดีกว่าครับ เราจะได้รู้ว่า โทรศัพท์ Android Phone รุ่นที่เราเล็งอยู่นั้น มันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้าง
android 1.5
Android(แอนดรอยด์) 1.5 (Cupcake)Android Phone ที่ ใช้ Android(แอนดรอยด์) 1.5 จะมีความสามารถหลักๆดังนี้ ควบคุมด้วย Touch Screen
  • ใช้นิ้วแตะเพื่อควบคุมการทำงานมือถือ
ใช้บริการ Google Service
  • Web Search
  • Gmail
  • Calendar
  • Google Map
Social Network ใช้บริการ Social Network ผ่าน App ที่น่าสนใจหลายเว็บ
  • Facebook for Android
  • Twitter for Android
การติดตั้ง โปรแกรมลงใน Android Phone
  • ลงโปรแกรมผ่าน Android Phone ผ่านส่วนเชื่อมต่อที่เรียกกว่า Android Market Place
กล้อง
  • ถ่ายรูป และ ถ่ายวีดีโอ ได้
  • Upload วีดีโอขึ้น Youtube.com และ รูปถ่ายไปยัง Picasa ได้จาก Android(แอนดรอยด์) Phone โดยตรง
ระบบเดาคำศัพท์ Text-Prediction
  • ช่วยในการพิมพ์ โดย Android Phone จะช่วยเดาว่าเรากำลังพิมพ์คำว่าอะไร เพื่อลดเวลาในการพิมพ์ข้อความ
Bluetooth
  • รองรับ Bluetooth A2DP / AVRCP
  • เชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth Handfree อัตโนมัติ(เชื่อมต่อครั้งแรกต้อง Paire Device เหมือนมือถืออื่นๆ)
Home Screen
  • สามารถวาง Widget (หน้าต่างเล็กๆเพื่อโชว์การทำงานของ App เช่น โชว์ภาพถ่าย โชว์หน้าต่างเล่นเพลง แบบ Winamp
รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 1.5
android_phone_1_5

android_1_6_toppic
Android(แอนดรอยด์) 1.6 (Donut)Android Phone ที่ลงระบบ Android 1.6 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.5 ดังนี้
Web History / contact list Search

  • เพิ่มการค้นหาในสถิติการใช้งานเว็บไซต์ และรายชื่อ contacts ใน Android Phone
Android(แอนดรอยด์) Phone พูดได้ Text-to-Speech
  • Android Phone สามารถพูดตามข้อความได้(text-to-speech) เช่นการอ่านข้อความ sms โดยเราไม่จำเป็นต้องอ่านเอง
Voice Control
  • โทรออกด้วยเสียง
  • Google Search ด้วยเสียง
รายการโทรศัพท์มือถือ Android(แอนดรอยด์) Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 1.6
android_phone_1_6
android_2_1_toppic
Android(แอนดรอยด์) 2.0/2.1 (Eclair)   Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.0/2.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.6 ดังนี้
Performance
  • ปรับปรุงความเร็วในการทำงานของ Android ให้เร็วยิ่งขึ้น
  • ปรับปรุง User Interface
  • ปรับปรุง รายการติดต่อ(Contact Lists)
  • ปรับปรุงการแสดงผล ขาว-ดำ
  • ใช้งาน Multi-Touch Screen ได้
  • ปรับปรุง คีย์บอร์ดเสมือน(คีย์บอร์ดบนหน้าจอ)
Internet Browser
  • ปรับปรุง Internet Browser และพัฒนารองรับเทคโนโลยี HTML5
Google Service
  • ใช้ Google Maps 3.1.2
  • รองรับ Microsoft Exchange
Camera
  • รองรับการใช้ Flash สำหรับการถ่ายรูป
  • กล้องถ่ายรูป ซูมระดับดิจิตอลได้
Home Screen
  • Live Wallpapers (วอลล์เปเปอร์ แบบเคลื่อนไหวและตอบสนองการกดหน้าจอได้ เช่น หน้าจอแบบพื้นน้ำ)
Bluetooth
  • รองรับ Bluetooth 2.1
รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 2.0/2.1
android_phone_2_0
android_2_2_toppic
Android(แอนดรอยด์) 2.2 (Froyo)Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.2 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.1 ดังนี้
Performance
  • การทำงานของ Android Phone เร็วขึ้น 5 เท่า
  • รองรับการลงโปรแกรมลงใน Memory Card
  • เปลี่ยนภาษาบน keyboard Android Phone ได้ง่ายๆ
Internet Tethering
  • ใช้ Android Phone เป็นโมเด็มสำหรับต่ออินเตอร์เน็ตให้คอมพิวเตอร์ได้(Tethering)
  • แปลงร่าง Android Phone เป็น Wifi Hotspot
Internet Browser
  • รองรับการใช้ Adobe Flash 10.1 (ทำงานเร็วขึ้น)
  • Brower ใหม่ใช้ความสามารถของ Chrome และ JavaScript Engine
  • Browser ใช้งาน file upload ได้
Google Service
  • ปรับปรุงความสามารถ Microsoft Exchange สามารถ sync ปฏิทินได้
Bluetooth
  • โทรออกด้วยเสียงผ่าน Bluetooth
รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 2.2
android_phone_2_2
android_2_3_toppic
     Android(แอนดรอยด์) 2.3/2.4 (Gingerbread)Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.3/2.4 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.2 ดังนี้
การแสดงผล
  • รองรับหน้าจอขนาดความละเอียด WXGA (1280×768) หรือสูงกว่า
Performance
  • ปรับปรุงการทำงานให้เร็วขึ้น
  • ปรับปรุงระบบฟังก์ชั่นการทำงานของการ Copy-Paste
  • ทำการปรับปรุงระบบ Multi-Touch ของซอฟต์แวร์ keyboard
  • ปรับปรุงระบบการจัดการพลังงานแบตเตอร์รี่ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
Internet Tethering
  • รองรับการสื่อสารแบบ SIP และ VoIP
Internet Browser
  • มีการเพิ่มโปรแกรม Download Manager เพื่อรองรับการดาวน์โหลดที่ต้องใช้ระยะเวลานาน
Multimedia
  • รองรับไฟล์วีดีโอประเภท WebM/VP8
  • รองรับไฟล์เสียงประเภท ACC
ด้านอื่นๆ
  • สนับสนุน Near field communication(NFC) ทำให้มือถือสามารถอ่าน RFID ได้
  • สนับสนุนระบบเซ็นเซอร์พื้นฐานต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น gyroscopes และ barometers เป็นต้น
  • สนับสนุนการทำงานร่วมกับกล้องหลายๆ ตัว
 รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 2.3/2.4
android_phone_2_3
android_3_0_toppic
Android(แอนดรอยด์) 3.0 / 3.1 (Honeycomb)Android Phone ที่ลงระบบ Android 3.0 / 3.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.3 ดังนี้
การแสดงผล
  • รองรับการแสดงผลแบบ 3D สามมิติ
  • อินเทอร์เฟซแบบใหม่เรียกว่า "Holographic" โดยเพิ่มฟีเจอร์ด้าน 3D
Performance
  • ปรับปรุงการทำงานให้เร็วขึ้น
  • ปรับปรุงระบบ Multi-Tasking
  • การสั่งงานผ่านเมนูที่ถูกซ่อนไว้จะถูกเปลี่ยนเป็น button bar ให้เห็นปุ่มชัดๆ
Internet Browser
  • ปรุงเบราว์เซอร์ให้รองรับ Tablet
  • สามารถ sync กับ Chrome Bookmarks ได้
Google Service
  • สามารถใช้งาน Google eBooks
  • รองรับการใช้งาน Google Talk ที่สนทนาผ่านวิดีโอได้
ด้านอื่นๆ
  • สามารถใช้ได้กับฮาร์ดแวร์ที่ไม่มีปุ่มจริงเช่น Tablet เพราะออกแบบมาให้รองรับ Virtual Buttons
รายการแท็ปเล็ต Android ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 3.0/3.1
หมายเหตุ : เนื่องจาก ระบบปฏิบัติการ Android 3.0 / 3.1 / 3.2 นั้นถูกพัฒนามาสำหรับ แท็ปเล็ต เป็นหลัก ภายในตารางจึงเป็นชื่อรุ่นของ Tablet ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Andriod 3.0 / 3.1 / 3.2
android_phone_2_3

Android(แอนดรอยด์) 4.0 (Ice Cream Sandwich)Android Phone ที่ลงระบบ Android 4.0 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 3.0 ดังนี้
การแสดงผล
  • ปรับปรุงอินเตอร์เฟสใหม่
Performance
  • ปรับปรุงการทำงานโดยรวมของระบบให้เร็วขึ้น
Internet Browser
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้งาน ให้สามารถใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้านอื่นๆ
  • Face Unlock สามารถปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้า
  • Android Beam ด้วยความสามารถของ เทคโนโลยี NFC ทำให้การแชร์ภาพ หรือ คอนเทนต์ต่างๆ ง่ายขึ้น เพียงนำเครื่องมาแตะกัน ก็สามารถส่งข้อมูลให้กันได้แล้ว
  • ROBOTO ฟอนต์ใหม่ ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
 รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.0
android_phone_2_3

Android(แอนดรอยด์) 4.1 (Jelly Bean)Android Phone ที่ลงระบบ Android 4.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 4.0 ดังนี้
Performance
  • ปรับปรุงการทำงานโดยรวมของระบบให้เร็วขึ้น
Internet Browser
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้งาน ให้สามารถใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของการประมวลผล Java Script
ด้านอื่นๆ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Face Unlock
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของ Android Beam
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของ ระบบ Messenger
 รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.1
android_phone_2_3

แอนดรอยด์ เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Android Key Lime Pie ??




นอกจากแอนดรอยด์รุ่นต่างๆ ที่เราได้ทำการรวบรวมเอาไว้ข้างต้น จนถึงเวอร์ชั่น Android 4.1 นั้น ล่าสุด แหล่งข่าวจากต่างประเทศก็ได้คาดการณ์เอาไว้ว่า แอนดรอยด์ รุ่นต่อไป จะใช้ Codename หรือชื่อเล่นว่า Android Key Lime Pie และคาดว่าจะมีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพโดยรวมของระบบให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการออกมานะครับว่า Android Key Lime Pie (หรืออาจจะไม่ใช่ชื่อนี้) นั้น จะเป็นเวอร์ชั่นอะไร อาจจะเป็นไปได้ทั้ง 4.3 หรือ อาจจะเป็นเวอร์ชั่น 5.0 ไปเลย ซึ่ง หากมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Android ตัวล่าสุดนี้เพิ่มเติม ทีมงานจะนำข้อมูลมาให้ได้ทราบกันอีกอย่างแน่นอนครับ

2. พิจารณาคุณสมบัติด้านอุปกรณ์ในตัวเครื่อง  

นอกจากจะต้องพิจารณา Android(แอนดรอยด์) OS แล้วเรายังต้องพิจารณาคุณสมบัติของอุปกรณ์ในเครื่องด้วยนะครับ ซึ่งประกอบไปด้วย
  • หน้าจอ ใช้วัสดุอะไรในการประกอบ ซึ่งมีตั้งแต่ LCD LED AMOLED หรือ Super AMOLED ตัวใหม่แบบอินเทรนด์
  • หน้าจอ รองรับการใช้ Touch screen และ multi touch screen หรือไม่
  • CPU ที่ใช้เป็นยี่ห้ออะไร มีความเร็วเท่าไหร่ โดยมีหน่วยวัดเป็น Hz นะครับ คล้ายการวัดใน cpu เครื่องคอมพิวเตอร์ และแน่นอนว่า ยิ่งมีความเร็วมาก ก็ยิ่งดีครับ(ก็จะมีราคาสูงตามนะครับ)
  • หน่วยความจำภายใน เนื่องจาก Android Phone ต้องการหน่วยความจำภายในตัวหลักในการลง Android OS และ App สำหรับการใช้งาน(สำหรับ Android 2.2 จะสามารถลง App ใน sd-card ได้ ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่มี แต่ถ้าเป็น Android(แอนดรอยด์)รุ่นต่ำกว่านี้ ต้องคิดเรื่อง ความจุของหน่วยความจำให้ดีครับ)
  • คุณภาพของเสียง ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายก็จะมี มาตรฐานการพัฒนาคุณภาพเสียงที่แตกต่างกันออกไป เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญครับ
  • อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS เป็นชิปประมวลผลเล็กๆที่อยู่ใน Android Phone ซึ่งเจ้าตัวนี้มีผลต่อการใช้งาน Application หลายตัวเลยนะครับ Android Phone บางรุ่นมีอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS บางตัวก็ไม่มีครับ
  • อุปกรณ์รับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ เข็มทิศดิจิตอล แบบที่เห็นใน iPhone นั่นเองครับ
  • คุณภาพของกล้องที่ Android Phone แต่ละรุ่นก็จะมีความสามารถในการถ่ายรูปที่ไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเลนส์และหน่วยประมวลภาพ
อย่าลืมนะครับ Android Phone ประกอบด้วยส่วนของ Android(แอนดรอยด์) OS และ คุณสมบัติด้านฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่อง ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบว่า Android Phone ที่ซื้อนั้นเป็นไปตามความต้องการของเราจริงๆ นะครับ



 

ขั้นตอนการติดตั้ง Nod32

วิธีการลง Nod 32 ในเครื่องขั้นแรกท่านต้องมีโปรแกรมสแกนไวรัส Nod 32 ก่อนหากยังไม่มีดาว์นโหลดได้ที่ ขั้นตอนการลง nod 32 ดับเบิ้ลไฟลที่ดาว์นโหลด
กด I accept the terms in ter license Agreement
  เลือกแบบ Typical (recommended best settings)  
เลือก Next  
เลือก Enable แล้วก็ Next
เลือก Enable detextion of potentially unwanted applications  
กด install เลยครับ  
รอสักครู่
เท่านี้ก็เสร็จเสร็จวิธีลง NOD32 แล้วครับ  

ก า ร ติ ด ตั้ ง W i n d o w s X P P r o f e s s i o n a l


การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยปกติ จะสามารถทำได้ 2 แบบคือ การติดตั้งโดยการอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม หรือทำการติดตั้งใหม่เลยทั้งหมด สำหรับตัวอย่างในที่นี้ จะขอแนะนำวิธีการ ขั้นตอนการติดตั้ง Windows XP แบบลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งความเห็นส่วนตัว น่าจะมีปัญหาในการใช้งานน้อยกว่าแบบอัพเกรดค่ะ
วิธีการติดตั้ง Windows XP ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังนี้
1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลือกติดตั้งจาก CD นั้นได้เลย
2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตั้ง
3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์ โดยทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดจาก CD ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ก่อนทำการติดตั้ง
ในการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ทำการวางแผนประมาณขนาดพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย โดยทั่วไปก็ไม่ควรจะใช้พื้นที่ต่ำกว่า 3G. และเนื่องจากระบบ Windows XPสามารถที่จะสร้างเมนู Multi Boot ได้หลังจากที่ติดตั้งไปแล้ว โดยยังสามารถเลือกเมนูว่า จะเรียก Windows ตัวเดิมหรือจะเรียก Windows XP ก็ได้ ดังนั้น หลาย ๆ ท่านมักจะแบ่งพื้นที่ไว้ลง Windows 98 ที่ Drive C: ประมาณ 5G. และเผื่อไว้สำหรับ Windows XP ที่ Drive D: อีกประมาณ 5G. ที่เหลือก็จะเป็น Drive E: สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากลง Windows เพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นค่ะ
การตั้งค่าใน BIOS ก่อนทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่จะต้องทำการ Disable Virus Protection ใน BIOS ซะก่อน เพราะว่าเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการป้องกัน Virus โดยการป้องกันการเขียนทับในส่วนของ Boot Area ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งค่านี้อยู่แล้ว ถ้าหากเครื่องของใครไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเมนบอร์ด บางรุ่นอาจจะไม่มีก็ได้ วิธีการก็คือ
         เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังทำ Memory Test หรือนับ RAM อยู่นั่นแหละ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL บน Keyboard เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup (แล้วแต่เมนบอร์ด ด้วยบางทีอาจจะใช้ปุ่มอื่น ๆ สำหรับการเข้า Bios Setup ก็ได้ลองดูให้ดี ๆ) จากนี้ก็แล้วแต่ว่าเครื่องของใคร จะขึ้นเมนูอย่างไร คงจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER ถ้าใช่จะมีเมนูของ Virus Warning หรือ Virus Protection อะไรทำนองนี้ ถ้าหากเป็น Enable อยู่ละก็ให้เปลี่ยนเป็น Disable โดยเลื่อนแถบแสงไปที่เมนูที่เราต้องการใช้ปุ่ม PageUp หรือ PageDown สำหรับเปลี่ยนค่าให้เป็น Disable 
กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย
มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP กันเลยค่ะเริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)
 
 ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดีคะ ก็เคาะ Enter ไปทีนึงก่อน
 
 โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไปค่ะ
 
เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
         
 หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
 
 ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
 
 เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะคะ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
 โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ค่ะ
 
 หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยค่ะ)
 
 หลังจากบูตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วค่ะ รอสักครู่
โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ ค่ะ
จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยค่ะ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้
ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ
บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ
เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วค่ะ
ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลยค่ะ นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ฃื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย